เขตปกครองตนเองทิเบต โดยประชาชนชาวทิเบต มีพระเป็นผู้นำในการปกครอง ประชาชนนับถือพุทธนิกายวัชรยาน เขตปกครองตนเองทิเบตตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย โดยจัดว่าเป็นที่ราบสูงซึ่งมีความสูงที่สุดในโลก เลยได้รับฉายาว่าหลังคาโลก ภูมิอากาศของทิเบตมีความหนาวเย็นมาก รวมทั้งมีความกดอากาศและ Oxygen ต่ำ เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่อยากเดินทางมาทิเบต จำเป็นต้องปรับสภาพร่างกายเสียก่อน จากสาเหตุนี้เองจึงให้มีประชากรอยู่อาศัยน้อย นอกจากนี้ประชากรชายของทิเบตเกินกว่าครึ่งบวชเป็นพระ
Lhasa เมืองหลวงของทิเบต
Lhasa คือ เมืองหลวงของทิเบตแห่งสาธารณรัฐประชาชน เมืองนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากถึง 3,650 เมตร จึงติดอันดับหนึ่งในเมืองสูงสุดของโลก อุดมไปด้วยความงดงามของทิวทัศน์ ธรรมชาติอันหาชมได้ยาก วัดแบบพุทธนิกายวัชรยาน และวิถีชีวิตของผู้คนพื้นเมืองอันน่าสนใจ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง , เศรษฐกิจ , วัฒนธรรม , ศาสนาของทิเบตอีกด้วย
พระราชวังโปตาลา
ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,600 เมตร เป็นทั้งป้อมปราการและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แต่ก็ถูกทำลายหลายครั้ง และก็สร้างใหม่หลายครั้งเช่นเดียวกัน จวบจนมาถึงรัชสมัย ทะไลลามะ ที่ 5 ปีค.ศ. 1617 – 82 ท่านจึงให้สร้างพระราชวังนี้ในรูปแบบวังซ้อนวัง โดยพระราชวังวงด้านนอก มีชื่อว่า วังขาว เนื่องจากทาสีขาว สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1648 ส่วนพระราชวังชั้นในมีชื่อว่า วังแดง เนื่องจากทาด้วยสีแดง พระราชวังชั้นในสร้างหลังจากพระราชวังขาวเป็นเวลาเกือบ 50 ปี ภายในมีระเบียงซึ่งมีภาพวาดสีหลายชิ้น , มีทั้งบันไดซึ่งทำจากไม้และหิน , มีห้องสวดมนต์ซึ่งตกแต่งด้วยความจิตร มีรูปเคารพเกือบ 200,000 องค์ ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งสถานสักการะ บริเวณวังขาว ประกอบไปด้วย สำนักงาน , โรงเรียนสอนศาสนา บริเวณวังแดง ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ อีกทั้งยังเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของโปตาลา
วัดเดรปุง
อาณาเขตของวัดมีความกว้างขวางที่สุดในทิเบต คือ 200,000 ตารางเมตร อีกทั้งยังเป็นร่ำรวยอันดับ 1 ในทิเบต ชื่อของวัดแห่งนี้แปลว่า กองข้าว เพราะตัวอาคารทาสีขาว เมื่อมองจากไกลๆจะเห็นคล้ายกองข้าวขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเชิงเขา ในยุคสมัยเจริญสูงสุด มีพระถึง 10,000 รูป ใช้เป็นแหล่งศึกษากับแหล่งปฏิบัติธรรมของพระชั้นสูง
พระราชวังโนร์บูกลิงกา
พระราชวังแห่งนี้ ถูกล้อมรอบไปด้วยอุทยานขนาดใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2001 ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1755 จนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1783 อาณากว้างขวางขนาด 3.6 ตารางกิโลเมตร โดยประกอบด้วยสวนเขียวขจีอันร่มรื่นถึง 3.4 ตารางกิโลเมตร มีฉายาว่า แหล่ง Oxygen บนที่ราบสูง นอกจากสวนแล้วอาณาเขตที่เหลือก็เป็นกลุ่มอาคารพระราชวัง โดยมีอาคารรวม 374 ห้อง